เทรนด์อาหาร-เครื่องดื่มปี 2013
ปีเก่าผ่านไป ปีใหม่เข้ามา เทรนด์ความนิยมต่างๆก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย
นอกจากเรื่องแฟชั่นความสวยงามแล้ว เทรนด์เรื่องอาหารและเครื่องดื่มก็มีอะไรใหม่ๆที่ทันยุคสมัยเช่นกัน
ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยมีตัวเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคได้ตื่นตาตื่นใจมาอย่างต่อเนื่อง
และสำหรับปี 2013 สามารถแบ่งออกได้ 5 เทรนด์ค่ะ
1.ความสดใหม่จริงของส่วนผสมจากฟาร์มถึงมือผู้บริโภค สินค้าหลายตัวจะมีส่วนผสมจากธรรมชาติหน้าใหม่กันมากยิ่งขึ้น
เมื่อดูจากกระแสทั่วโลกแล้ว ผู้บริโภคล้วนมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ
มาสร้างสีสันกับชีวิตที่วุ่นวายในสังคมเมือง
บวกกับกระแสการรักษาสุขภาพแบบอิงธรรมชาติที่กำลังได้รับความนิยม
ซึ่งสื่อสารถึงคุณประโยชน์ของส่วนผสมของพืช ผัก ผลไม้เป็นหลัก

2.ปีของเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์ด้านประสาทสัมผัสในแง่ประสาทสัมผัสจะได้รับความสนใจมากขึ้น
โดยเฉพาะในเรื่อง "กลิ่น" ที่กำลังเป็นที่นิยม เพราะช่วยผ่อนคลายในชีวิตประจำวัน
อีกกระแสที่มาแรงคือ การผสมผสานของเครื่องดื่มหลากหลายตระกูล
เพื่อรสชาติและกลิ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์มากขึ้น เช่น กลุ่มชา
มีการพัฒนากลิ่นใหม่ๆที่น่าสนใจขึ้น น้ำอัดลมที่ผสมกลิ่นจากผลไม้สด
รวมไปถึงน้ำผลไม้และสมุนไพรที่มีกลิ่นเฉพาะ เช่น เบอรรี่ ทับทิม ตะไคร้
3.ดีต่อเราและดีต่อโลกในยุคที่การใส่ใจสิ่งแวดล้อมกลายเป็นเรื่องประจำวันมากขึ้น
โจทย์หนึ่งที่ผู้บริโภคทั่วโลกตั้งคำถาม คือกว่าจะมาถึงมือพวกเขานั้นสินค้าผ่านกระบวนการอะไรมาบ้าง
ที่สำคัญดีต่อสุขภาพไหมและมีผลดีต่อโลกที่เราอยู่อย่างไร ในแง่การสื่อสาร
เรื่องของความเป็นตัวตนและทัศนคติของแบรนด์จะต้องมีการเน้นชัดในจุดยืนหลักๆ
มากขึ้น เช่น แบรนด์และบริษัทมีจุดยืนอย่างไรกับการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์
สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็น "ตัวเชื่อม"
ใหม่เพื่อการเข้าถึงผู้บริโภคให้ใกล้ชิดได้มากขึ้น
ผ่านจุดร่วมของประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกัน
4. เต็มที่กับการผสมผสานระหว่างศิลปะและอาหารประสบการณ์ใหม่ที่น่าจับตามอง คือ
ความเป็นแฟชั่นของอาหาร ปีหน้าเราจะได้เห็นการผสมผสานทั้ง
ในแง่ของวัฒนธรรมในเมนูอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารเอเชีย เช่น
ญี่ปุ่นและเกาหลีในแง่การออกแบบอาหารแบบอิงความเป็นสถาปัตยกรรม จะมีการใช้ดอกไม้
ลวดลาย และสีสันใหม่ๆ และที่สำคัญคือการรวมตัวทางธุรกิจระหว่างโลกแฟชั่นและโลกอาหาร
ในยุคที่อาหารและเครื่องดื่มมีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น
5. ออกแบบเฉพาะสำหรับคนแพ้เทรนด์น้องใหม่ที่มาแรงไม่น้อยคือ
อาหารและเครื่องดื่มสำหรับคนที่มีอาการแพ้ต่ออาหารหมวดหลักๆ เช่น นม แลกโตส กลูเทน
ไข่ ถั่วลิสง ถั่วเหลือง และอาหารทะเล ซึ่งพบได้มากโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กรุ่นใหม่
จะเห็นถึงการบอกส่วนผสมแบบมีรายละเอียดสำหรับคนที่อาการแพ้มากขึ้น ในแง่ของการทำตราสินค้าก็จะมีความชัดเจนมากขึ้นเช่นกัน
สินค้าที่เราไม่น่าเชื่อว่าจะมีก็จะถูกสร้างสรรค์เพื่อตอบโจทย์คนแพ้อาหาร เช่น
ไอศครีมที่ไม่ทำจากนม หรือของหวานที่ไม่มีส่วนผสมของนมและไข่
วัฒนธรรมของการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มจะมีความซับซ้อนมากขึ้น
ในยุคที่เราอยู่ในสังคมเมืองที่มีการผสมผสานของวัฒนธรรมจากทั่วทุกมุมโลก
เทรนด์ของความเป็นเมือง Metropolitan จะเป็นสิ่งที่เราเห็นได้อย่างชัดเจนในปีหน้าแน่นอนค่ะ
เรื่องโดย : อุมัย
ที่มา
http://guru.thaibizcenter.com
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น